วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2555

Apple เผยผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2012 มีรายได้รวมอยู่ที่ 4.633 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ


        เมื่อวันก่อนทางสื่อต่างประเทศได้รายงานถึงผลประกอบการของ Apple ที่ประกาศออกมาในไตรมาสแรกของปี 2012 โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 4.633 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (1.43 ล้านล้านบาท) และคิดเป็นกำไรสุทธิ 1.306 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (3.918แสนล้านบาท) โดยเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 2.18 เท่า ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นสูงสุดอยู่ที่ 44.7% และเมื่อคิดเป็นรายได้ของ Apple จากตลาดต่างประเทศคิดเป็น 58% ของรายได้รวมทั้งหมด อีกทั้งตอนนี้มีเงินสดอยู่ในมือของ Apple ถึง 9.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (2.91 ล้านล้านบาท)


        ในส่วนของผลิตภัณฑ์ต่างๆ หากดูเป็นตัวๆ จะเห็นได้ว่าไตรมาสนี้ iPhone ขายได้เป็นจำนวนถึง 37.04 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจากเดิม 128%, iPad ขายได้ 15.43 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 111%, สินค้าตระกูล Mac ขายได้ 5.2 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 26% สุดท้ายกับ iPod ยอดอยู่ที่ 15.4 ล้านเครื่อง ซึ่งลดลงไปถึง 21% นอกเหนือจากนั้นยังมีรายละเอียดส่วนอื่นๆ ที่น่าสนใจจาก CEO อย่าง ทิม คุก มานำเสนอกันเพิ่มเติมด้วยครับ
  • สินค้าตระกูล Mac ยังเติบโตดี โดยเฉพาะ MacBook Pro และ MacBook Air
  • มากกว่าครึ่งของผู้ซื้อ Mac ไม่เคยใช้ Mac มาก่อน
  • ผลิตภัณฑ์ iPhone เป็นตัวเร่งที่ดีให้คนซื้อสินค้า Apple มากยิ่งขึ้น โดย Apple รับรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ iPod แล้ว
  • ภาพรวมของอุปทานชิ้นส่วนยังเป็นปกติ ยกเว้นฮาร์ดดิสก์ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในไทย โดย Apple เลือกที่จะจ่ายแพงขึ้นเพื่อให้มีของ
  • ปัญหาฮาร์ดดิสก์ขาดตลาดช่วงน้ำท่วมในไทยยังไม่ส่งผลกับ Mac ในไตรมาสที่ผ่านมา แต่จะส่งผลต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้แน่นอน
  • สมาร์ทโฟน iPhone 4S ได้รับผลตอบรับที่ดีอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันมีจำหน่ายแล้ว 90 ประเทศ
  • การเสี่ยงดวงด้วยการสั่งชิ้นส่วนจำนวนมหาศาลตุนไว้เพื่อผลิต iPhone นั้น ถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะความต้องการ iPhone ก็ยังมากมายไม่เพียงพออยู่ดี 
  • เครื่องเล่น iPod Touch ยังคงมีส่วนแบ่งของยอดขายจำนวนเกินครึ่งของสินค้าตระกูล iPod ที่ขายได้ทั้งหมด
  • ทิม คุกเชื่อว่าตลาดแท็บเล็ตจะใหญ่โตกว่าตลาดพีซีในเร็ววันนี้


        เรียกได้ว่าในตอนนี้ทางบริษัท Apple มีเงินค่อนข้างมากพอสมควร เล่นทำเอาบริษัทหลายๆ บริษัทอิจฉาไปตามๆ กันทีเดียวเชียว

ที่มา : macrumor, theverge 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น